Skip to main content

ชัยภูมิ แปลว่า พื้นที่มีชัย หรือ ทำเลที่เหมาะ อาจจะเหมาะแก่การอยู่อาศัย การเพาะปลูก การใช้สอย หรือกระทั่งเหมาะแก่การงอกงามเติบโต แม้จะมีหินมีทรายปนบ้าง แต่ถึงอย่างไรเราก็ยังคงเชื่อว่า “ชัยภูมิ” จะคอยช่วยโอบอุ้มฟูมฟักเราไว้ได้เสมอ เพราะ “แผ่นดินเกิด” เป็นพื้นที่แห่งความภาคภูมิใจ และสร้างเราบนวิถีที่ดำรงอยู่ หลายคนเชื่ออย่างนั้น

แต่กับ “ชัยภูมิ ป่าแส” นักกิจกรรมชาวลาหู่ กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ชัยภูมิหนึ่งของเขา โอบอุ้ม “ชัยภูมิ” ไว้ไม่ได้ ปล่อยให้ร่างเขาเดียวดายสลายลอยไปในอากาศ แถมฝนห่าใหญ่ตกกระหน่ำซ้ำจนจมดิน บนยอดดอยเชียงดาวอันเป็น “ชัยภูมิที่รัก” ของเขา

เมื่อวันที่ 17 เดือนมีนาคม 2560  ร้อย ม.2 ควบคุมที่ 1 ฉก. ม5 ร่วมกับ ชสท.ที่ 9 กองกำลังผาเมือง ได้ปฏิบัติภารกิจที่ด่านตรวจถาวรบ้านรินหลวง  ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่  ได้วิสามัญฆาตกรรม นายชัยภูมิ ป่าแส   เยาวชนชาวลาหู่  โดยแจ้งข้อหา มียาบ้าไว้ในครอบครองจำนวน 2,800 เม็ด  ขัดขืนการจับกุม และ พยายามใช้อาวุธระเบิดทำร้ายเจ้าพนักงาน  

ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา หลังจากนายชัยภูมิ ป่าแส ถูกวิสามัญฆาตกรรม ได้มีองค์กร ภาคีเครือข่าย กลุ่มบุคคล และเพื่อนๆ ของชัยภูมิ จำนวนมากมาย ได้เรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวโดยเร่งด่วน เนื่องจากมีข้อสงสัยในเหตุการณ์วันดังกล่าวว่า นายชัยภูมิ ป่าแส ได้ขนยาบ้าจริงหรือไม่ ? มีการต่อสู้ขัดขืนและจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยระเบิดจริงหรือไม่ ? ในขณะที่มีปากคำชาวบ้านหลายคนที่เห็นเหตุการณ์วันนั้นว่ามีซ้อม ทำร้ายร่างกาย จนนายชัยภูมิจำเป็นต้องวิ่งหนี การยิงกระสุนสังหารนายชัยภูมิ เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ? โดยเฉพาะการชันสูตรพลิกศพยังไม่ปรากฏผล พยานหลักฐานต่างๆ ยังไม่เป็นที่เปิดเผยโดยโปร่งใสยุติธรรม

แต่การให้ข่าวจากผู้หลักผู้ใหญ่ซึ่งเป็นถึงผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรภาค 5 และ แม่ทัพภาคที่ 3 กลับมีลักษณะละเมิดสิทธิของนายชัยภูมิ และ มีลักษณะสนับสนุนการใช้ความรุนแรงต่อเยาวชนโดยมองไม่เห็นความเป็นคน ซึ่งถึงแม้จะกระทำความผิดจริง ก็ไม่สมควรใช้ความรุนแรงและการสังหารปลิดชีวิตเป็นทางออก ยิ่งทำให้พวกเรากังวลยิ่งขึ้นว่าจะมีการไต่สวนข้อเท็จจริงโดยยุติธรรมโปร่งใสหรือไม่ ?

จากกรณีการวิสามัญฆาตกรรม นายชัยภูมิ ป่าแส เพื่อนร่วมยุคสมัย สร้างความสะเทือนใจ อาลัย และทิ้งข้อเคลือบแคลงใจในกรณีนี้ให้กับคนทั้งชาติ กระแสข่าวและข้อมูลที่เปิดเผยออกมาจากทั้งสองฝั่ง (เจ้าหน้าที่รัฐและญาติผู้เสียชีวิต) ต่างกันมาก สร้างความสับสนให้กับประชาชน จนนำไปสู่ความเกลียดชังและการพยายามทำลายความเป็นมนุษย์ของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง

 

นำไปสู่ความเคลื่อนไหว เพื่อถามหาความยุติธรรม บน “ชัยภูมิ” ที่รัก แห่งนี้

 

 

เริ่มความเคลื่อนไหวโดยกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดกิจกรรม ตัวตนอยู่หนใด? …แล้วใครไร้ตัวตน ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเพลง “จงภูมิใจ” ของ ชัยภูมิ ป่าแส โดยหวังว่าเสียงเพลงของเขา…จะสามารถชวนคิดต่อได้ว่า ปัญหาเรื่องสัญชาติ (Nationality) ในไทยเกิดอะไรขึ้น? งานนี้ไม่ใช่งานรำลึก ไม่มีน้ำตา ไม่ได้ไว้อาลัย พับเก็บความเสียใจไว้ก่อน แล้วมาคิดต่อจากบทเพลงของเขา

"ปลุก" จิตสำนึก

"ปรับ" ความเข้าใจ

"เปลี่ยน" ประเทศไทย จากมุมเล็กๆด้วยแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่

เมื่อวันเสาร์ ที่ 25 มีนาคม 2560 ที่ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 

ซึ่งคิดต่อจากเพลงของ #ชัยภูมิป่าแส ได้เบื้องต้นว่า

"ผู้ไม่มีตัวตนกลับมีตัวตนทุกหนแห่ง"

"คนนอกมองเป็นคนใน คนในมองเป็นคนนอก"

"การสร้างตัวตนเพื่อตัวตนของคนอื่น"

"การปรับตัวเทคโนโลยีของอำนาจ"

"การทำให้ไม่เป็นมนุษย์ หรือมนุษย์น้อยกว่า"

"คนอื่นในแดนตน"

เป็นต้นฯ

 

จากกิจกรรมตัวตนอยู่หนใด? สู่ วงเสวนาวิชาการ "วิสามัญฆาตกรรม License to Kill?" คืออะไร

ซึ่งจัดขึ้นโดยเครือข่ายอาจารย์ นักวิชาการ และนักศึกษา

 

โดยมีกิจกรรม ฉายมิวสิควีดีโอเพลง "จงภูมิใจ" ของ ชัยภูมิ ป่าแส

ละคร เรื่อง "วิสามัญฆาตกรรม License to Kill?"

วันที่ 31 มีนาคม 2560 ณ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

วิทยากรถึงพร้อมด้วยข้อมูล มากด้วยประสบการณ์ในด้านคดีความเกี่ยวพันกับการวิสามัญฆาตกรรม มาร่วมเสวนากับนักวิชาการ และ ผู้ผ่านประสบการณ์จริงมาแล้ว

 

ความเคลื่อนไหว…จากเชียงใหม่ ขยายลงสู่ กรุงเทพฯ

 

 

ด้านนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นักกิจกรรมเยาวชนชื่อดัง ได้จัดกิจกรรมอ่านบทกวี การแสดงดนตรีและศิลปะต่าง ๆ ในงาน “ชัยภูมิสุดท้าย” เพื่อรำลึกและทวงถามถึงความจริงและความยุติธรรมจากกรณีจะอุ๊ ชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่ ที่ได้จากไปอย่างคลุมเครือ

วันเสาร์ที่ 1 เมษายน 2560 ณ The Writer’s Secrets ถนนนครสวรรค์ ใกล้ สน.นางเลิ้ง

 

…และเครือข่ายชาติพันธุ์ทั่วประเทศกำลังจะจัดกิจกรรม “จากบิลลี่ถึงชัยภูมิ” ขึ้น ในเร็วๆนี้

 

ความเคลื่อนไหว…ต้องไม่เงียบ เพื่อให้ความยุติธรรมปรากฏ สู่ “ชัยภูมิที่รัก”

 

เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในประเทศไทย ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และคาดว่าจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต หากพวกเราคนหนุ่มสาวผู้เป็นปัจจุบันและอนาคตของประเทศนี้ ยังคงนิ่งเฉยต่อไป ปล่อยให้ความอยุติธรรมได้หยั่งรากฝังลึกลงไปใน “ชัยภูมิ” แห่งนี้

 

“ชัยภูมิ” ที่จะเพาะเมล็ดพันธุ์รุ่นต่อๆไปให้เจริญงอกงาม เติบโต พร้อมเบ่งบานรับวันใหม่ หากแต่ใต้ผืนดินเต็มไปด้วยความอยุติธรรม โรคกลัวความจริงระบาด เมล็ดพันธุ์รุ่นต่อไปของพวกเราจะเติบโตขึ้นมาเป็นเช่นไร?

 

เพื่อนนิสิตนักศึกษาและเพื่อนร่วมยุคสมัยเอ๋ย…พวกเราจงสานต่อความฝันของชัยภูมิ ป่าแส เพื่อนเยาวชนชนเผ่าของเรา  ในการสร้างสรรค์สังคมที่แบ่งปัน เอื้ออาทรต่อกันและกัน เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และ ปลูกความรักในใจของเด็กและเยาวชนผู้เป็นความหวังของอนาคต แทนความเกลียดชังและนิยมใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ที่ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในสังคมปัจจุบันมีส่วนทำให้มันเกิดขึ้น

 

โปรดอย่านิ่งเฉยกับกรณีนี้ หรือกรณีใดๆ ก็ตาม จงตั้งคำถาม เฝ้าติดตามความจริง ทวงคืนความยุติธรรมด้วยสันติวิธี สู่ “ชัยภูมิ” แห่งนี้ ในเร็ววัน

 

พวกเขาพยายามฝังเราลงดิน…แต่พวกเขาหลงลืมไปว่าเราคือเมล็ดพันธุ์

 

ให้ผู้มีอำนาจได้รู้ว่า

“เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดอกไม้ด้วยกันเอง”

 

ด้วยความเชื่อมั่นในพลังเยาวชนสร้างสรรค์สังคม

 

 

อ้างอิง

แถลงการณ์ ดีจัง Young Team เยาวชนพื้นที่สร้างสรรค์ทั่วประเทศ หยุดการละเมิดสิทธิเพื่อนของเรา ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างยุติธรรมโดยด่วน กรณี การวิสามัญฆาตกรรม นายชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนกลุ่มรักษ์ลาหู่ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่