Skip to main content

เครือข่าย ศนปท. ติดป้ายดำทั่วกรุงรำลึก 8 ปีรัฐประหาร ชี้รัฐประหารไม่ใช่ทางออกของประเทศไทย แต่เป็นต้นตอของปัญหาทำให้ประชาธิปไตยไทยไม่ก้าวหน้า

 

 

เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2557 เวลา 10.00 น. ณ บริเวณสดมอนุสรณ์ “นวมทอง ไพรวัลย์” สะพานลอย หน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ตัวแทนจากศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตย (ศนปท.) ได้ทำการขึงป้ายผ้าสีดำ จำนวน 2 ผืน มีข้อความว่า “นายประชาธิปไตยของไทย ชาตะ 24 มิ.ย. 2475 มรณะ 19 ก.ย. 2549 และล่าสุด?” เพื่อเป็นการรำลึกปีที่ 8 ของเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549

หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม ศนปท. กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เคยทำกิจกรรมในลักษณะนี้แล้ว เช่น จัดกิจกรรมทานแซนวิชที่สยามพารากอน ซึ่งก็ได้ถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว แล้วส่งตัวไปให้ทางเจ้าหน้าที่ทหารดำเนินการเพื่อปรับทัศนคติ” สมาชิกคนดังกล่าวได้กล่าวต่อไปว่า “จุดประสงค์ที่จัดกิจกรรมครั้งนี้เพื่อเป็นการรำลึกถึงการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ซึ่งปีนี้ครบรอบ 8 ปี เป็นการแสดงออกว่าประชาธิปไตยได้ตายไป 8 ปีแล้ว การรัฐประหาร 19 ก.ย. ถือว่าเป็นการรัฐประหารครั้งแรกที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตนี้ ส่วนครั้งล่าสุดเป็นครั้งที่สอง และเพื่อตอกย้ำให้สังคมรับรู้ว่าบัดนี้ (ประเทศ) เราไม่ได้เป็นประชาธิปไตย เราเป็นเผด็จการ”

นอกจากนี้หนึ่งในสมาชิกกลุ่มศนปท.อีกคนหนึ่ง. กล่าวว่า “เข้าร่วมกิจกรรมลักษณะนี้เป็นครั้งแรก โดยต้องการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ให้สังคมได้รับรู้ว่า ขณะนี้สังคมเราไม่มีความเป็นธรรม อยากให้ประชาชนคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของตนเอง และเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 โดยส่วนตัวแล้วมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีคุณูปการ เพราะทำให้ผมตื่นตัวและตระหนักถึงปัญหาสังคมการเมืองไทย”

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 07.00 น. ณ บริเวณหน้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บนสะพานลอยข้ามถนนพญาไท ระหว่างคณะวิทยาศาสตร์และคณะครุศาสตร์ กลุ่มประชาคมจุฬาฯเพื่อประชาชน (CCP) ได้ทำกิจกรรมในลักษณะเดียวกัน โดยมีการขึงป้ายผ้าสีดำบนสะพานลอย มีข้อความว่า “8 ปี 19 กันยาฯ ประชาธิปไตยที่ถูกฆ่ายังคงนอนตาย”

หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม CCP ให้สัมภาษณ์ว่า “เป็นสมาชิกกลุ่มศนปท. ร่วมทำกิจกรรมกับศนปท.ในทุกกิจกรรม การจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อต้องการรำลึก 8 ปี รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาที่ส่งผลมาถึงปัจจุบัน และอยากทุกคนในสังคมเคารพสิทธิเสรีภาพของกันและกัน”